เมื่อเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ เราจะเริ่มเห็นหลาย ๆ ธุรกิจทำโฆษณาการตลาดกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ 2.2, ตรุษจีน หรือแม้แต่แคมเปญวาเลนไทน์ แล้วเหตุใดธุรกิจเหล่านั้น จึงเลือกที่จะลงทุนทำโฆษณาในช่วงนี้กัน
.
เหตุผลที่หลาย ๆ ธุรกิจ เลือกที่ทำการตลาด หรือออกโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลนั้น เพราะลูกค้าจะมีอารมณ์ที่พร้อมจับจ่ายที่สูง (Buying Mood) ทำให้ง่ายต่อการทำการตลาด โดยที่ไม่ต้องลงทุนประชาสัมพันธ์หรือสร้างแรงจูงใจให้สินค้ามากนัก จะเห็นได้ว่าในช่วงเทศกาลนั้นหลาย ๆ ธุรกิจมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงปกติ
.
สิ่งที่นักการตลาดจะต้องทำ คือ ออกแคมเปญหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่กระตุ้นอารมณ์ให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจในการจับจ่ายให้ “เร็วยิ่งขึ้น” ไม่ว่าจะเป็น โปรโมชั่นประจำเดือน, ส่งฟรี, Flash Sale หรือแม้กระทั่งการจัดหน้าร้านเอง ก็ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่สามารถกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าได้ทั้งสิ้น
.
การที่จะกระตุ้นให้ลูกค้า รู้สึกอยากจับจ่ายสินค้าได้เร็วขึ้นนั้น เราต้องรู้พฤติกรรมของลูกค้าเสียก่อน แล้วนำมาวิเคราะห์ (Customer Analytics) เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (Touch Point) ให้ได้มากยิ่งขึ้น
.
ซึ่งการนำหลักการ Data Driven มาใช้ในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น จะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรม และรู้ Insight ของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น ว่า “แคมเปญไหน โดนใจกลุ่มลูกค้าของเรามากที่สุด”
.
เราสามารถวิเคราะห์ Data จากอะไรได้บ้าง?
.
• Demographic เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้ อาชีพ
• Geographic สถานที่ ประเทศ เมือง หรืออยู่ในภูมิภาค
• Psychographic ความชื่นชอบ ไลฟ์สไตล์
• Behaviouristic พฤติกรรมของลูกค้าในการซื้อสินค้า ว่ามีการใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน
.
เช่น ถ้าเรารู้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เราจะทำแคมเปญให้เหมาะกับเพศหญิงได้มากขึ้น
.
ยิ่งเรา Data มากเท่าไหร่ เราจะยิ่งเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น
.
และเมื่อเราเข้าใจในพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า เราก็จะยิ่งสามารถสร้างกลยุทธ์แคมเปญ มีโปรโมชั่นที่ตรงใจ ทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้ากับเรามากยิ่งขึ้น หรือที่เรียกว่า เป็นการเอา Data มา Driven เพื่อสร้าง Campaign นั่นเอง